SingPass VS ThaiID

Government digital ID หรือบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ (e-ID) เป็นระบบที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ ผ่านช่องทางดิจิทัล โดยใช้ข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวตน เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ลายนิ้วมือ หรือใบหน้า

ระบบ National SSO หรือระบบการเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีเดียว (Single Sign-On) เป็นระบบที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าสู่ระบบบริการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนต่างๆ โดยใช้บัญชีเดียว โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลประจำตัวและรหัสผ่านซ้ำทุกครั้ง

Government digital ID และ ระบบ National SSO เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) ของประเทศไทย โดยจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงบริการภาครัฐต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

ประโยชน์ของ Government digital ID และ ระบบ National SSO

Government digital ID และ ระบบ National SSO มีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงบริการภาครัฐต่างๆ ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย โดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ราชการ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภาครัฐ หน่วยงานภาครัฐสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเสียเวลาในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลซ้ำ
  • ลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน ภาคเอกชนสามารถลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนของตนเอง

SingPass และ ThaiID เป็นระบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ (e-ID) จากประเทศสิงคโปร์และไทยตามลำดับ ทั้งสองระบบได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเข้าถึงบริการภาครัฐและเอกชนต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนของประเทศสิงคโปร์ SingPass คือ ระบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ (e-ID) ของประเทศสิงคโปร์ พัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (IDA) ของสิงคโปร์ SingPass ช่วยให้รัฐบาลสามารถพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้ ผ่านช่องทางดิจิทัล โดยใช้ข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวตน เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ลายนิ้วมือ หรือใบหน้า

SingPass เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2547 และได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 15 ล้านคนในปัจจุบัน SingPass สามารถใช้เพื่อเข้าถึงบริการภาครัฐและเอกชนต่างๆ ของสิงคโปร์ กว่า 4,000 บริการ เช่น การยื่นภาษี การขอวีซ่า การลงทะเบียนเรียน การชำระค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น

ความสำเร็จของ SingPass

SingPass ประสบความสำเร็จอย่างสูงในสิงคโปร์ โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 5 ล้านคนในปี 2555 และเติบโตเป็นกว่า 15 ล้านคนในปัจจุบัน ความสำเร็จของ SingPass เกิดจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่

  • การยอมรับจากภาครัฐและเอกชน SingPass ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนอย่างกว้างขวาง ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
  • ความง่ายในการใช้งาน SingPass ใช้งานง่ายและสะดวก ประชาชนสามารถลงทะเบียนและใช้งาน SingPass ได้ด้วยตนเอง
  • ความปลอดภัย SingPass ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด ใช้ระบบการเข้ารหัสและการตรวจสอบตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

ความคืบหน้าของการพัฒนา Government digital ID และ ระบบ National SSO ในประเทศไทย

ประเทศไทยได้เริ่มพัฒนา Government digital ID และ ระบบ National SSO มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 โดยมีสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาระบบ

ปัจจุบัน DGA ได้พัฒนาระบบ ThaiID ซึ่งเป็นระบบ Government digital ID ของประเทศไทย โดยระบบ ThaiID รองรับการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลประจำตัวที่เป็นตัวตน เช่น หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ลายนิ้วมือ และใบหน้า

นอกจากนี้ DGA ยังได้พัฒนาระบบ National SSO โดยระบบ National SSO จะเชื่อมโยงระบบ ThaiID เข้ากับระบบการเข้าสู่ระบบของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าสู่ระบบบริการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐต่างๆ โดยใช้บัญชีเดียว แม้ว่าThaiID ยังเป็นระบบใหม่อยู่ เปิดตัวในปี 2565 และมีผู้ใช้งานประมาณ 1 ล้านคนในปัจจุบัน ThaiID ประสบความสำเร็จในหลายด้าน ได้แก่

  • การยอมรับจากภาครัฐ ThaiID ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างกว้างขวาง ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐต่างๆ ผ่าน ThaiID ได้
  • ความง่ายในการใช้งาน ThaiID ใช้งานง่ายและสะดวก ประชาชนสามารถลงทะเบียนและใช้งาน ThaiID ได้ด้วยตนเอง
  • ความปลอดภัย ThaiID ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด ใช้ระบบการเข้ารหัสและการตรวจสอบตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้

อย่างไรก็ตาม การยอมรับ ThaiID จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนยังคงเป็นปัญหาอยู่ ยกตัวอย่างเช่น โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีระบบหลังบ้านเชื่อมต่อกับ ThaiID และ Application ทางรัฐ แต่บุคคลกรซึ่งปฏิบัติงานส่วนหน้ากลับไม่ยอมรับ e-ID แต่ต้องการแค่บัตร Smartcard แบบเดิม จากการทดลองใช้งานกว่า 10 ครั้ง บุคคลากรเล่านี้อ้างว่าไม่รับการใช้งานภาพถ่ายบัตรประชาชนดังกล่าว

ปัญหาการยอมรับ ThaiID จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในตัวอย่างนี้ เกิดจาก 2 สาเหตุหลัก ได้แก่

  • ทัศนคติของบุคลากรภาครัฐ บุคลากรภาครัฐบางส่วนยังไม่ตระหนักถึงประโยชน์ของ ThaiID บางคนมองว่า ThaiID เป็นเรื่องยุ่งยากและซับซ้อน บางคนมองว่า ThaiID ไม่สามารถทดแทนบัตร Smartcard แบบเดิมได้
  • ความสะดวกในการใช้งาน ประชาชนจะต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนก่อนจึงจะสามารถใช้งานได้ บางคนมองว่าขั้นตอนการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนยุ่งยากและใช้เวลานาน

ปัญหาการยอมรับ ThaiID ส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าของรัฐบาลดิจิทัล ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะพัฒนาไปสู่รัฐบาลดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากปัญหาการยอมรับ ThaiID ยังไม่ได้รับการแก้ไข เป้าหมายดังกล่าวก็อาจไม่บรรลุผล