เบาหวาน ตอนที่ 2 : น้ำตาลตก

อาการประจำผม ช่วงหลังหลังนี้คืออาการ น้ำตาลตก (hypoglycemia) ซี่งคือสภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำกว่าปกติ. ระดับน้ำตาลในเลือดที่ถือว่าเป็น “น้ำตาลตก” อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล, แต่โดยทั่วไปจะมีค่าดังนี้:

  • ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (mg/dL) ถือว่าเป็นน้ำตาลตก.

อาการของน้ำตาลตกอาจรวมถึงความรู้สึกหิว, เหงื่อออก, รู้สึกสั่น, หัวใจเต้นเร็ว, อ่อนเพลีย, หงุดหงิด, และสับสน. ในกรณีที่รุนแรง, อาจมีอาการชักหรือหมดสติ.

5 อาหารช่วยเพิ่มนะดับน้ำตาลในเลือด

เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia), คุณต้องการอาหารหรือเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็ว. นี่คือ 5 ตัวเลือกที่ดี:

  1. น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง: น้ำตาลหรือน้ำผึ้งสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ให้พลังงานทันที.
  2. น้ำองุ่นหรือน้ำผลไม้: น้ำผลไม้เช่นน้ำองุ่นหรือน้ำส้มมีน้ำตาลธรรมชาติซึ่งร่างกายสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานได้เร็ว.
  3. ลูกอมหรือขนมหวาน: ลูกอมและขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงสามารถช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างรวดเร็ว.
  4. แคร็กเกอร์หรือขนมปังขาว: แม้ว่าจะดูดซึมช้ากว่าน้ำตาล, แคร็กเกอร์หรือขนมปังขาวก็ให้คาร์โบไฮเดรตที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดได้.
  5. เกลือโซดาหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล: เกลือโซดาหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเช่นน้ำอัดลมสามารถช่วยให้น้ำตาลในเลือดขึ้นได้เร็ว.

การจัดการตัวเองหลังจากน้ำตาลตก

หลังจากที่คุณจัดการกับอาการน้ำตาลตก (hypoglycemia) ได้แล้ว, คุณควรปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำและรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่:

  1. ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้ง: หลังจากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มน้ำตาลในเลือด, ควรตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอีกครั้งหลังจากประมาณ 15-20 นาที เพื่อดูว่ามีการปรับตัวกลับมาเป็นปกติหรือไม่.
  2. รับประทานอาหารเพิ่ม: ถ้าระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาเป็นปกติ, ควรรับประทานอาหารเล็กน้อยที่มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน เช่น แซนด์วิชหรือโยเกิร์ต, เพื่อช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่.
  3. ปรับการใช้ยาหรืออินซูลิน: หากคุณใช้ยาหรืออินซูลิน, อาจต้องปรับขนาดหรือเวลาในการใช้ยา ปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับการปรับการรักษา.
  4. ทบทวนสาเหตุ: พิจารณาสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำตาลตก เช่น การไม่รับประทานอาหารเพียงพอ, การออกกำลังกายหนัก, หรือการใช้ยาที่ไม่เหมาะสม.
  5. ติดต่อแพทย์: หากคุณมีอาการน้ำตาลตกบ่อยครั้ง หรือมีอาการรุนแรง, ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพและปรับแผนการรักษา.
  6. เรียนรู้และเตรียมตัว: มีความรู้เกี่ยวกับอาการน้ำตาลตก และมีแผนการรับมือสำหรับการป้องกันและจัดการกับอาการในอนาคต.

การจัดการกับอาการน้ำตาลตกอย่างถูกวิธีและการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีในระยะยาว.

โดยสรุปน้ำตาลตก (hypoglycemia) เป็นสภาวะที่ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าปกติ, โดยทั่วไปน้อยกว่า 70 mg/dL. อาการอาจรวมถึงความรู้สึกหิว, เหงื่อออก, สั่น, หัวใจเต้นเร็ว, อ่อนเพลีย, หงุดหงิด, และสับสน. การจัดการกับอาการนี้รวมถึงการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงเพื่อเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด, ตามด้วยการตรวจสอบระดับน้ำตาลอีกครั้ง, และการปรึกษาแพทย์. การป้องกันประกอบด้วยการรับประทานอาหารสมดุล, ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ, และการปรับการใช้ยาหรืออินซูลิน สำหรับผู้ที่มีโรคเบาหวาน.